Monday, August 27, 2012

ตำนานพระธาตุภูขวาง



ปางเมื่อพระพุทธเข้าตนประเสริฐแกคนและเทวดาทั้งหลายแก่ผู้จักรเสมอได้ในโลกอันนี้ พระก็เสด็จได้ถึงดอยภูขวางไปสถิตอยู่ใต้ต้นรังอันมีบนดอยภูขวาง พระพุทธเจ้าก็เป่งออกยังสัพพรรณรัศมี 6ประการ คือ ขาว เขียว เหลือง หม่น สวีมีวรรณเป็นดั่งแก้ววิทูรน้ำคลั่ง เมื่อนั้นชาวบ้านทั้งหลายเห็นพระพุทธเจ้ามีสัพพรรณรัศมี 6 ประการ สว่างทั่วบนดอยทั้งมวลรุ่งเรืองงามมากก็บังเกิดมีใจศรัทธามากแล้วแก่บ้าน (ผู้ใหญ่บ้าน) ผู้นั้นก้อบอกกล่าวแก่ภริยากับลูกและชาวบ้านทั้งหลายให้จัดเตรียมข้าวน้ำโภชนาอาหาร
ทั้งมวลแล้วก็ใส่บาตรเป็นทานแก่พระพุทธเจ้าและอรหันต์เจ้าทุกรูป แล้วพระพุทธเจ้าก็รับเอาไทยทานแห่งทายกทั้งหลายแล้ว พระพุทธเจ้าก็ฉันข้าวบนดอยที่นั้น เมื่อพระพุทธเกระทำภัตตากิจฉันข้าวเสร็จแล้ว ก็เทศนาภัตตาอนุโมทนาแสดงทานะกถาศีลกถา แก่ทายกทั้งหลายหมู่นั้นแล้ว พระพุทธเข้าจึงกล่าวว่าสถานที่นี้ดีนักควรตั้งศาสนาแห่งหนึ่ง เมื่อนั้นพระอานนท์จึงขอธาตุซึ่งพระพุทธเจ้าพระก็ยกทักขิณาหัฐเบื้องขวาขึ้นรูปพระเศียร ได้เกษาสามเส้นแล้วก็เอายื่นให้พระอานนท์ แล้วเอายื่นให้เจ้าโสนะเถระแล้วเอายื่นให้เจ้าอุตตะระเถระ แล้วเอายื่นให้เจ้าระตะนะเถระ แล้วยื่นให้พญาอโสกแล้วเอาใส่โกฐิไม้แล้วจึงเอายื่นให้พญาอินทร์ รับเอาแล้วจึงเอาใส่โกฐ ิแก้วทั้งหมดแล้วพระพุทธเจ้าจึงกล่าวว่าให้เอาเกสาธาตุแห่งพระตถาคตเข้าบรรจุในท้องถ้ำแห่งหนึ่ง เมื่อนั้นพญาอินทร์ก็ประดับประดาในท้องถ้ำที่นั้นให้รุ่งเรื่องงาม ด้วยแผ่นแก้ว แผ่นเงิน แผ่นคำ เต็มทุกที่ทุกแห่ง แล้วเนรมิตปราสาทคำสูงได้ 4 วา แล้วต่าง
ยอดฉัตรแล้วก่อรอบไว้ด้วยเครื่องบูชา 5 ประการทั้ง 4 ด้าน แล้วเนรมิตเสษฏฉัตรคำตั้งรอบไว้ 2 ด้าน แล้วเนรมิตปางประทีปคำใหญ่สามศอก 3 ช่อ จุดบูชาตั้งไว้ 2 ด้าน สว่างทั่วท้องอุโมงค์ถ้ำ แล้วนิมนต์เอาโกฐิพระธาตุเจ้าเข้าสถีตย์ตั้งไว้ ในท่ามกลางปราสาทคำแล้วปิดทับก้วยก้อนหิน แล้วหล่อด้วยทราย แล้วปิดทับด้วยก้อนผาหลวงแล้วก่อเจดีย์หมายไว้สูง 6 ศอก แล้วเมื่อนั้นพระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า

เมื่อใดพระคถาคตเจ้าปรินิพพานไปแล้วให้เอาพระธาตุข้อมือขวามาบรรจุไว้กับพระธาตุเกสาที่นี่ พระพุทธเจ้าจึงตรัสว่าดูก่อนพระอานนท์พระธาตุที่นี่จะได้ชื่อว่า "พระธาตุเจ้าภูขวาง" เหตุว่าดอยลูกนี้ยาวไปทางทิศไปทางทิศตะวันตก ตะวันออก แล้วยังยาวไปทิศเหนือ ภายภาคหน้าคนทั้งหลายจะใส่ชื่อตามดอยลูกนี้ว่า " พระธาตุเจ้าภูขวาง" แก่บ้าน (ผู้ใหญ่บ้าน) ผู้นั้นจะได้มาเกิดเป็นพญาเจ้าเมืองที่นี่ มีนามชื่อว่าพญาศรีจอมธรรม จะได้มาสร้างพระเจดีย์ตนธรณี กว้าง 5 วา สูง 14 วา แล้วสร้างวิหารกำแพงให้รุ่งเรืองงามมาก พระพุทธเจ้าตรัสว่าดูกรพระอานนท์พระธาตุที่นี่วิเศษนัก บุคคลไม่มีบุญ หาบุญไม่ได้นั้นก็ไม่ได้มากราบไหว้บูชา ไม่ได้มาสร้างสถานที่นี้และเว้นไว้แต่ผู้มีบุญอย่างเดียว ดูราอานนท์ผู้ใดก็ดี ท้าวพญา มหากษัตริย์ และครั้นเศรษฐี พราหมณ์นะกะคะหะบดี คฤหัสถ์และนักบวช หญิง- ชาย ผู้ใดได้มาสร้างพระเจดีย์เจ้า ได้มาสร้างวิหาร ได้มาสร้างศาลา ได้มาสร้างกำแพงก็ดี บุคคลผู้นั้นแม้นจักปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้าก็ดีแม้นจักปรารถนาเป็นอรหันตา อรหันตี ภิกขุณี สาวะถีก็ดี แม้นจักปรารถนาเอาลูกเมียที่ประเสริฐ แม้นจักปรารถนาเอาข้าวของเงินคำ สมบัติอันใด ก็จักได้ตั้งใจปรารถนาทุกประการ ถ้าตายก็จักได้ไปเกอดชั้นฟ้าดุสิตวิมานค่าสูงได้ร้อยโยชน์ มีนางฟ้าได้แสนโกฎิเป็นบริวาร ถ้าตายจากเมืองฟ้าที่นั้นแล้วจักได้ลงมาเกิดร่วมพระอริยะเมตไตยเจ้า ไม่พลาดทุกกรประการหนึ่ง แม้นโสมณพราหมณ์และเจ้านาย ท้าวพญา ประชาราษฏร์ คนผู้ใดก็ดีได้มากล่าวแผ่เมตตาภาวนาในสถานที่นี่ก็จักได้ถึงธรรมวิเศษเป็นต้นว่าสิถิทาคา ถ้าตายก็จักได้ไปเกิดในชั้นฟ้า ชื่อว่า ดุสิตา มีวิมานคำสูงได้ 60 โยชน์ มีนางฟ้าได้ครั้งหนึ่งเป็นบริวาร ไม่เท่านั้นแม้นบุคคลหญิง - ชาย คฤหัสถ์ นักบวช ผู้ใดมีเจตนาศรัทธาและได้มากวาดเก็บใบไม้หญ้า เศษขยะ เสร็จแล้วและขนทรายมาใส่ลานพระเจดีย์ธาตุเจ้าในวัดศาสนาสถานที่นี่ให้ราบเสมองาม ดังนั้น ถ้าตายก็จักได้ไปเกิดชั้นฟ้าชื่อ ย่ามา มีวิมานคำสูงได้ 4 โยชน์ มีนางฟ้าได้ 3 หมื่น
เป็นบริวาร สถานที่นี่วิเศษนัก แม้นพระพุทธเจ้ากะถุสันท์ พระนากะมะนะกัสสะปะ ก็มาฉันข้าวในที่นี้ทุกองค์ เมื่อนั้นพระพุทธเจ้าเทศน์เสร็จแล้วก็หันพระพักตร์ไปสู่หนอีสานแล้วก็เสด็จไปจอมไคร้ ที่มีในทิศตะวันออกฉียงเหนือแล้วพระพุทธเจ้าก็ปรินิพพานไป แล้วหลังพระศรีจอมธรรมได้มาเป็นเจ้าเมืองพะยาวที่นี่ ยังมีมหาเถรตนหนึ่งเดินทางมาจากเมืองปาตะริบุตร มาอธิษฐานนิมนต์เอาพระธาตุข่อมือขวา แห่งพระพุทธเจ้าใส่โกฐแล้วมรกต แล้วก็ไปเมตตาพญาศรีจอมธรรมอันเป็นเจ้าเมืองพะยาวตามประวัติที่พระพุทธเจ้าได้ตรัสสั่งไว้ว่า ให้เอาพระธาตุข่อมือขวามาบรรจุไว้กับพระธาตุเกสาที่ดอยภูขวางเมืองพะยาว เมื่อพญาศรีจอมธรรมทราบความแล้วก็มีใจศรัทธายินดี ี แล้วก็ให้ช่างเงิน ช่างคำทั้งหลายมาทำโกฐงิน โกฐคำ โกฐแก้ว รับเอาพระธาตุเจ้าแล้วก็แต่งเครื่องสักการบูชาเป็นต้น แล้วแสงเงินคำ มธุปบุปผาราจา กันทะจวนจันทร์ สร้อย พวงดอกไม้ พัดพร้าวชาวมอญ เครื่องท้าวทั้ง 5 ประการ สัปธนเสษฎฉัตรคำ ช่อคำเครื่องบูชาทั้งหลายพร้อมแล้วก็ชุมนุมมายังรี้พลคนงานทั้งหลายมี 3แสน 3 หมื่น 5 พัน 5 ร้อยคน มาแล้วยกเครื่องบูชาทั้งหมดหมู่นั้นถวายบูชาพระมหาธาตุเจ้าเสร็จแล้วก็อาราธนานิมนต์พระธาตุเจ้าขึ้นใส่วิกายคำแล้วยกเอามหาธาตุเจ้า แห่ขบวนบูชาทรงเสพดุริยะดนตรี ฆ้อง กลอง ระนาด ฆ้องวง กลองวง และเคาะหอยสังข์ ฉลองมหาธาตุเจ้าอกออกจากเวียงหลวง ลำดับไปตลอดจนถึงปัตตาดอยภูขวางหลวงที่นั้นแล้วก็แห่หามเอาโกฐพรธาตุเจ้าปัตตะทักขิณาผัตตะสินเวียนรอบ 3 รอบ แล้วก็หยุด วางลงไว้เหนือแผ่นดิน เมื่อนั้นพระมหาเถระเจ้าก็กราบเบญจางคประดิษฐ์ 3 รอบ แล้วก็สัจจอธิษฐานขอมหาธาตุเจ้าและโกฐแก้วจมลงไปท้องอุโมงค์ถ้ำที่บรรจุพระธาตุเกสาแต่ก่อนนั้น โกศพระธาตุเจ้าก็ลงไปสถิตย์ตั้งอยู่ท่ามกลางปราสาทคำ แล้วก็แสดงปาฏิหาริย์มีสัพพรรณรัศมี 6 ประการ คือว่าขาว เขียว เหลือง แดง หม่น สวีมีวรรณ ส่องสว่างมากเหมือนกันได้พันดวง ไหลพุ่งขึ้นไปเหมือนดั่งจุดดอกไม้ไฟดุสี เยงดังดั่งฟ้าแลบสว่างทั้งกลางวันกลางคืน ทั้งเมืองคนทั้งหลายที่มาในที่นั้นมีความเบิกบานยินดี แม้นมีสร้อยแขนแหวนมือ ต่างหู สร้อยสังวาลคำ ผ้าโพกหัวก็กอกออกมาบูชามหาธาตุเจ้าหมด คนทั้งหลายพูดเหมือนกันว่า เหมือนได้เห็นพระพักตร์เมื่อยังทรงอยู่จำ

ผู้ใดได้มาเห็นมาไหว้ก็เป็นบุญามปานแก่กล้ามากดังนี้ เหมือนกันทุกคน และเมื่อพญาศรีจอมธรรมก็มีใจปิติยินดีแล้วก็ให้คนทั้งหลายตัดไม้ขุดดินให้ราบเสมอ สร้างกำแพง วิหาร แล้วก่อมหาเจดีย์ตนธรณี กว้าง 6 วา พรธาตุสูง 14 วาใส่ฉัตรคำ ช่อประทีปให้งามทุกที่ทุกแห่ง แล้วฉลองทานเป็นมหาครั้งใหญ่ 7 วันถึงเสร็จและเมื่อนั้นพญาศรีจอมธรรมก็ปฏิบัติอุปฐากพระมหาธาตุเจ้าอยู่หลายวันหลายคืน นานได้เดือนหนึ่งแล้วก็เสด็จกลับสู่นิเวสนะที่อยู่แห่งท่าน………………………………….

ผู้สร้างวัดพระธาตุภูขวาง
          พระศรีจอมธรรมเจ้าเมืองพะเยาตามตำนานที่กล่าวมาแต่ต้น ด้วยกาลเวลาอันยาวนานมหาธาตุเจ้าก็ชำรุดผุพังตามกาลเวลา ต่อมาในปีพุทธศักราช 2469 ครูบาเจ้าศรีวิชัย นักบุญแห่งล้านนา พร้อมด้วยศิษยานุศิษย์ ได้มาเป็นประธาน สร้างพระธาตุภูขวางดวงนี้

No comments:

Post a Comment